วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

โรคเบาหวานขึ้นตา ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)

       ภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา การที่ผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เกิดความผิดปรกติของเส้นเลือดที่จอประสาทตา เกิดจอประสาทตาบวม เลือดออกในน้ำวุ้นตา จอประสาทตาหลุดลอก จนทำให้ตาบอดในที่สุด ดังนั้น ยิ่งผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานนานเท่าไหร่ โอกาสเกิดโรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตาก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น


               เมื่อผู้ป่วยเป็นเบาหวานนาน ๆ หลาย ๆ ปี เส้นเลือดฝอยทั่วร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของตาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผนังของหลอดเลือดในจอประสาทตา ทำให้เกิดมีฟประสาทตาบวม ขาดอ๊อกซิเจน และเมื่อเป็นเช่นนี้นาน ๆ เข้า จะทำให้เกิด : เส้นเลือดงอกขึ้นใหม่  เกิดเลือดออก ทำให้น้ำวุ้นภายในลูกตาขุ่นมัว  จอประสาทตาลอก  และท้ายสุดทำให้ตาบอด เราเรียกโรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นนี้ว่า "เบาหวานขึ้นตา"
                ถึงแม้ว่าโรคเบาหวานจะทำให้สูญเสียการมองเห็นลงอย่างมาก หรือตาบอด แต่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการเจ็บปวด ในความเป็นจริงผู้ป่วยที่มีเบาหวานขึ้นจอประสาทตา จะไม่รู้สึกถึงความผิดปรกติในการมองเห็น จนกระทั่งเป็นรุนแรงมากแล้ว
ถ้าเบาหวานขึ้นจอประสาทตา และมีจุดกลางรับภาพจอประสาทตาบวม (Diabetic Macula edema) ร่วมด้วย ผู้ป่วยจะรู้สึกมองภาพไม่ชัด ตามัว หรือใช้สายตาระยะใกล้ เช่น อ่านหนังสือ ได้ลำบาก


       ถ้ามีเส้นเลือดงอกผิดปรกติ (Neovascularization) บนจอประสาทตาแตก มีเลือดออกในน้ำวุ้นตา (Vitreous hemorrhage) อาจมีอาการเหมือนมีเงาดำ ๆ บัง ลอยไปมา จนถึงมืด และมองอะไรไม่เห็นได้
ดังนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวาน จึงควรพบจักษุแพทย์ทันที ถ้ามีการมองเห็นผิดปรกติไป เช่น
·         ตามัวลง 1-2 วัน และไม่ดีขึ้น
·         อาการตามัวไม่สัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น
·         มีเงาดำลอยไปมา (floater)


        อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ แม้มีเบาหวานขึ้นจอประสาทตามากแล้ว ก็ยังไม่แสดงการมองเห็นที่ผิดปรกติ จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างที่สุด ที่ผู้ป่วยเบาหวานทุกราย จะต้องได้รับการขยายม่านตา ตรวจจอประสาทตาโดยจักษุแพทย์ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะว่า โรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตาสามารถรักษา และป้องกันไม่ให้ตาบอดได้ ถ้าได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
                  การรักษาโรคเบาหวาน และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปรกติอย่างเคร่งครัด (Intensive management) สามารถชะลอ และเป็นไปได้ที่จะป้องกันการเกิด หรือการดำเนินของโรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตาได้
ถ้าจักษุแพทย์ตรวจพบว่า ผู้ป่วยมีโรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตาแล้ว อาจจะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม โดยการฉีดสีเข้าทางเส้นเลือด และถ่ายภาพจอประสาทตาด้วยวิธี Fluorescein Angiography พื่อตรวจดูความผิดปรกติของเส้นเลือดที่จอประสาทตา และใช้ประกอบการรักษาด้วยการฉายแสงเลเซอร์ ต่อไป

       ปัจจุบัน (I-BRYTE)สามารถป้องกันโรคเบาหวานขึ้นตา  ได้ผลเร็วสุด ยอดขายสูงที่สุด
            วิธีรับประทานไอไบ้ร์ท
   สำหรับผู้ป่วยโรคตา ให้รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 2 แคปซูล
   สำหรับรับประทานเป็นอาหารเสริม ผู้ใหญ่ วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 แคปซูล
    ดูข้อมูลที่     http://ibrytemir.blogspot.com   
    ขนาดและราคา   1 ขวด 30 แคปซูล ราคา 1,900 บาท
                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
    สั่งซื้อที่     คุณ วีระชัย   ทองสา
                    ID Line : weerachaicoffee    
                    โทร. 084-6822645 , 085-0250423(Line)

                    อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com




 

โรควุ้นตาเสื่อม ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)

โรควุ้นตาเสื่อม (Vitreous degeneration) เกิดจากวุ้นตาที่อยู่ภายในลูกตา มีการเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นลักษณะเหลวและกลายเป็นสารน้ำเมื่ออายุมากขึ้น โดยเส้นใยโปรตีนซึ่งอยู่ภายในวุ้นตาจะตกตะกอนเป็นลักษณะคล้ายลิ่ม หรือเส้นใยที่หนาขึ้น จนทำให้เกิดเงาตกกระทบลงบนจอประสาทตา ทำให้เราเห็นเป็นเส้น หรือรอยขีด หรือหยากไย่ลอยไปมา ซึ่งเงาที่ลอยไปมานี้ คือ วุ้นตาที่มีการเสื่อมตัว 


     อาการของวุ้นตาเสื่อม มักจะมองเห็นเส้น หรือหยากไย่ ลักษณะเป็นฝ้าสีเทาหรือดำ และเงานี้จะขยับเล็กน้อยได้เมื่อมีการกลอกตา โดยทั่วไปจะเป็นมากขึ้นอย่างช้าๆ หรือคงที่เป็นเวลานาน หรือในบางรายอาจจางลงได้เอง
     โดยทั่วไป วุ้นตาเสื่อมนั้นไม่มีอันตรายและไม่ต้องการการรักษา แต่การเห็นเงาลอยไปมานั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดจากวุ้นตาเสื่อมเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดเงาลอยไปมาจำนวนมาก ร่วมกับการเห็นแสงไฟวาบขึ้นเป็นระยะ หรือมีการสูญเสียลานสายตา ภาวะเช่นนี้อาจบ่งชี้ว่ามีโรคจอประสาทตาลอก หรือในบางรายเงาที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากมีความผิดปกติของเส้นเลือดในตาและมีการแตกของเส้นเลือด เช่น ในกรณีผู้ป่วยโรคเบาหวานและมีเบาหวานขึ้นจอประสาทตา เลือดที่ออกในวุ้นตาก็จะทำให้เกิดเงา
   โรควุ้นในตาเสื่อมเป็นโรคที่มักจะเกิดกับผู้มีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป แต่ปันจุบันกลับพบโรคนี้ในวัยหนุ่มสาวคนทำงานออฟฟิศกันมากขึ้นจนน่าตกใจ เรียกได้ว่าโรควุ้นในตาเสื่อมเป็นหนึ่งในโรค office syndrome ที่ทุกคนสามารถเป็นโรคนี้กันได้

      วุ้นตา มีลักษณะเป็นวุ้นใส ๆ อยู่ตรงกลางระหว่างเลนส์กับจอประสาทตา โดยปกติเมื่อคุณอายุ 40 ปี วุ้นตรงนี้ก็จะเริ่มเสื่อม  จากลักษณะเป็นวุ้นก็จะกลายเป็นของเหลว
         อาการโรควุ้นในตาเสื่อมจะทำให้เราจะมองเห็นจุดหรือเส้นรูปร่างต่างๆ เช่น คล้ายหยากไย่ลอยไปมา เหมือนคราบที่ติดกระจกนั่นแหละ จะเห็นชัดมากขึ้นเมื่อมองไปยังบริเวณที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ฝาห้องขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา จุดหรือเส้นเหล่านี้เกิดจากขณะที่น้ำวุ้นตาละลาย บางส่วนจะจับตัวกันเป็นตะกอน ซึ่งถ้าเป็นมากโดยมีอาการเห็นแสงคล้ายฟ้าแล่บแปล๊บ ๆ ในเวลาค่ำหรือในที่มืด จะแสดงถึงอันตรายสุด ๆ ซึ่งถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา อาจทำให้จอประสาทตาฉีกขาด ถ้าไม่รักษาก็อาจทำให้ตาบอดได้เช่นกัน
     
 
      สาเหตุโรควุ้นในตาเสื่อม โดยปกติโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้สายตามากๆ เช่น ช่างเจียรไนเพชรพลอยที่ต้องใช้สายตาเพ่งมากๆ และคนที่มีสายตาสั้นมากๆ แต่ปัจจุบันนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากขึ้นเพราะการเล่นคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะวัยเรียนและวัยทำงาน ไม่ว่าคุณจะเล่นเนต,เล่นเกมส์, อ่านบทความ,อ่านหนังสือหรืออะไรก็ตามที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้น เพราะการเล่นคอมไม่เหมือนการอ่านหนังสือ เช่น
       1.การมองตัวหนังสือที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งมีลักษณะแขวนลอยอยู่ในจอ จึงทำให้ตาโฟกัสไม่แน่นอนกล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนักทำให้สายตาเสีย
      2.การเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลงเพื่อจะอ่านบรรทัดด้านล่างได้  ซึ่งมันจะเป็นการเลื่อนแบบกระตุก ซึ่งจะทำให้ตาต้องปรับโฟกัสบ่อยเกินไป ถ้าคุณชอบการอ่านหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์จะทำให้คุณติดนิสัยมองอะไรก็ตามไม่ว่าใกล้หรือไกล จะปรับโฟกัสมองเพ่งอยู่เสมอ ผลก้อคือกล้ามเนื้อตาทำงานหนัก คุณจะเริ่มมองของที่อยู่ไกลๆ เบลอๆคุณจะไม่สามารถปรับโฟกัสมองของใกล้ แล้วมองไกล ได้ทันทีเหมือนเคย เพราะกล้ามเนื้อประสาทลูกตาจะล้าทำให้การปรับโฟกัสลูกตาเริ่มช้าลง)
      3.การพิมพ์ตัวหนังสือทีคุณต้องก้มบ้างเพื่อมองแป้มพิมพ์ มันจะทำให้ตาของคุณทำงานหนักต้องปรับโฟกัสบ่อยเกินไปเช่นกัน
      4. แสงสว่างจากจอคอมพิวเตอร์ก็ส่งผลให้สายตาเสียเช่นกัน
      5.การใช้จอคอมที่มีความกว้างมากเกิน ซึ่งจอคอมกว้างๆ นั้นเหมาะสำหรับการดูภาพ ดูหนัง แต่ไม่เหมาะกับการดูตัวหนังสือ เพราะว่าสายตาคนเรานั้นมีระยะการมองตัวอักษรที่ 1 ฟุต (12นิ้ว) แต่จอคอมสมัยใหม่กลับมีความกว้าง 17 นิ้ว 19 นิ้ว หรือมากกว่านั้น ซึ่งมันกว้างเกินระยะกวาดสายตามอง จากขอบหนึ่งไปสู่อีกขอบหนึ่งทำให้ปวดทั้งคอทั้งตา ซึ่งขนาดของจอคอมของคุณควรไม่เกิน 15 นิ้ว



   ปัจจุบัน (I-BRYTE)สามารถป้องกันโรคตาแห้งได้ผลเร็วสุด ยอดขายสูงที่สุด
            วิธีรับประทานไอไบ้ร์ท
   สำหรับผู้ป่วยโรคตา ให้รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 2 แคปซูล
   สำหรับรับประทานเป็นอาหารเสริม ผู้ใหญ่ วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 แคปซูล
    ดูข้อมูลที่     http://ibrytemir.blogspot.com   
    ขนาดและราคา   1 ขวด 30 แคปซูล ราคา 1,900 บาท
                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
    สั่งซื้อที่     คุณ วีระชัย   ทองสา
                    ID Line : weerachaicoffee    
                    โทร. 084-6822645 , 085-0250423(Line)

                    อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com




 



4 โรคตาอันตราย ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)

4 โรคตาสำคัญที่ควรพึงระวัง ได้แก่



       1. โรคต้อกระจก (Cataract) เป็นภาวะที่เลนส์แก้วตามีความขุ่นมัวเกิดขึ้น โดยจะเป็นมากขึ้นตามวัย ในระยะแรกอาจไม่แสดงอาการที่รบกวนต่อการมองเห็น แต่เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่งจนต้อกระจกเป็นมากขึ้น จะทำให้การมองเห็นแย่ลง และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนทำให้ตาบอดอย่างถาวรได้
      อาการของต้อกระจก จะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเหมือนปกติ ทำให้การมองเห็นมีลักษณะขุ่นมัวเป็นฝ้า ทั้งยังทำให้ความสามารถของมองเห็นในที่สลัว หรือตอนกลางคืนลดลง อาจมองเห็นแสงกระจายจากดวงไฟในที่มืด เช่น เวลาขับรถตอนกลางคืนแล้วมีรถสวน  เป็นต้น นอกจากนี้ ความสามารถในการมองเห็นสีก็จะผิดปกติจากความเป็นจริงอีกด้วย


      2. โรคต้อหิน (Glaucoma) เกิดจากความผิดปกติของขั้วประสาทตาที่มีเส้นใยประสาทนับล้านเส้นเกิดความเสียหาย และความดันในลูกตาสูงผิดปกติ จนส่งผลทำลายเส้นใยประสาท ซึ่งมีหน้าที่ในการส่งข้อมูลเกี่ยวกับการมองเห็นจากลูกตาไปยังสมองเพื่อทำการประมวลเป็นภาพ
         อาการของต้อหิน โรคต้อหินชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด คือ ต้อหินชนิดเรื้อรัง (Chronic glaucoma) หรือ ต้อหินปฐมภูมิ (Primary glaucoma) โดยจะสูญเสียการมองเห็นบริเวณรอบนอกของลานสายตา การมองเห็นจะแคบลงจนเสมือนมองผ่านท่อ เมื่อเกิดจุดบอดขึ้นในลานสายตาของผู้ป่วยและขยายตัวขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีขอบเขตในการมองเห็นแคบลง หากรักษาไม่ทันการณ์ ผู้ป่วยอาจสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ ส่วนต้อหินอีกชนิดที่พบได้น้อยกว่า คือ ต้อหินชนิดเฉียบพลัน (Acute angle closure glaucoma) ซึ่งจะทำให้ตามัวลง ตาแดง มีอาการปวดตาอย่างรุนแรง เนื่องจากความดันในลูกตาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 


     3.โรคเอเอ็มดี (Age-related macular degeneration) หรือโรคจุดรับภาพของจอตาเสื่อม เนื่องจากอายุเป็นโรคที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อของจอตา (retina) ส่วนที่รับภาพตรงกลางของลานสายตาและมีความคมชัดของภาพสูงที่สุด ซึ่งโรคนี้จะทำให้เกิดความเสื่อมตัวของเนื้อเยื่อดังกล่าว และทำให้เกิดจุดบอดขึ้นในบริเวณใจกลางของภาพที่เรามองเห็น โดยมี 2 ลักษณะ คือ เอเอ็มดี ชนิดเปียก (wet AMD) และเอเอ็มดี ชนิดแห้ง (dry AMD
       อาการของเอเอ็มดี ทำให้การมองเห็นภาพบิดเบื้ยวโค้งผิดรูป โดยเฉพาะเวลาดูเส้นตรง หรืออ่านหนังสือ การมองเห็นโดยรวมลดลง ภาพไม่มีความชัดเจน อาจมองเห็นเหมือนมีเงาดำ หรือจุดบอด เกิดขึ้นที่บริเวณพื้นที่ตรงส่วนกลางของการมองเห็น 
        การรักษา หากพบว่ามีความผิดปกติเกี่ยวกับความชัดเจนของการมองเห็น โดยเฉพาะตรงส่วนกลางของภาพ หรืออาการอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวเนื่องกับการเป็นเอเอ็มดี ควรรีบมาตรวจกับจักษุแพทย์โดยเร็ว ผู้ที่เป็น เอเอ็มดี ชนิดแห้ง ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติได้ แต่สามารถชะลอการดำเนินของโรคได้ ส่วน เอเอ็มดี ชนิดเปียก สามารถรักษาได้ทั้งการใช้ยา การใช้แสงเลเซอร์และการผ่าตัด ผลการรักษาจะดีที่สุดเมื่อรับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกของโรคที่แผลยังมีขนาดเล็กอยู่




     4.โรควุ้นตาเสื่อม (Vitreous degeneration) เกิดจากวุ้นตาที่อยู่ภายในลูกตา มีการเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นลักษณะเหลวและกลายเป็นสารน้ำเมื่ออายุมากขึ้น โดยเส้นใยโปรตีนซึ่งอยู่ภายในวุ้นตาจะตกตะกอนเป็นลักษณะคล้ายลิ่ม หรือเส้นใยที่หนาขึ้น จนทำให้เกิดเงาตกกระทบลงบนจอประสาทตา ทำให้เราเห็นเป็นเส้น หรือรอยขีด หรือหยากไย่ลอยไปมา ซึ่งเงาที่ลอยไปมานี้ คือ วุ้นตาที่มีการเสื่อมตัว 

อาการของวุ้นตาเสื่อม มักจะมองเห็นเส้น หรือหยากไย่ ลักษณะเป็นฝ้าสีเทาหรือดำ และเงานี้จะขยับเล็กน้อยได้เมื่อมีการกลอกตา โดยทั่วไปจะเป็นมากขึ้นอย่างช้าๆ หรือคงที่เป็นเวลานาน หรือในบางรายอาจจางลงได้เอง
     โดยทั่วไป วุ้นตาเสื่อมนั้นไม่มีอันตรายและไม่ต้องการการรักษา แต่การเห็นเงาลอยไปมานั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดจากวุ้นตาเสื่อมเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดเงาลอยไปมาจำนวนมาก ร่วมกับการเห็นแสงไฟวาบขึ้นเป็นระยะ หรือมีการสูญเสียลานสายตา ภาวะเช่นนี้อาจบ่งชี้ว่ามีโรคจอประสาทตาลอก หรือในบางรายเงาที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากมีความผิดปกติของเส้นเลือดในตาและมีการแตกของเส้นเลือด เช่น ในกรณีผู้ป่วยโรคเบาหวานและมีเบาหวานขึ้นจอประสาทตา เลือดที่ออกในวุ้นตาก็จะทำให้เกิดเงาเช่นกัน

      ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)มีสารสกัดจากบลูเบอร์รี่เข้มขัน สารลูทีน สารสกัดจากมารีโกล์ด เบต้าแคโรทีน วิตามินซี
      ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)สามารถป้องกัน ต้อกระจก ต้อหิน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     ประโยชน์ของ
ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)
  1.ต้อหิน                                        2.ต้อลม
  3.ต้อกระจก                                   4.ต้อเนิ้อ  
  5.ตาแห้ง                                       6.สายตาพร่าขุ่นมัว
  7.สายตาสั้น                                   8.สายตายาว
  9.ภาวะเบาหวานขึ้นตา                   10.จอประสาทตาเสื่อม
11.จอประสาทตาหลุดลอก               12.กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า

    ประโยชน์ของสารสกัด Blueberry
1. เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นได้ดีในที่มืด
2. ป้องกันเส้นเลือดเปราะ (Arterosclerosis) ทำให้หลอดเลือดแข็งแรง
3. ป้องกันต้อหิน ต้อกระจก ต้อลม ลดแรงดันในลูกตาลดความเจ็บปวดจากการบวมในลูกตา
4. ป้องกันโรคเบาหวานโรคไทฟอยด์นิ่วในกระเพาะปัสสาวะโรคความดันโลหิตสูง และระบบหายใจผิดปกติ
5. ป้องกันเส้นเลือดขอด ลดการบวม เสริมสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ช่วยสร้างเนื้อเยื่อ เส้นเอ็น
6. แก้ Arthritis, Arthereoscirosis การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติในลำไส้ใหญ่ โรคเริม ท้องผูก โรคกระเพาะอาหาร แผลในปาก
7. เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ควบคุมน้ำตาลในเลือด ช่วยลดเกล็ดเลือด (Blood platelet)ต่อต้านโธไซยาโนไซเดอร์
   ปัจจุบัน ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)สามารถป้องกันโรคตาแห้งได้ผลเร็วสุด ยอดขายสูงที่สุด
            วิธีรับประทานไอไบ้ร์ท
   สำหรับผู้ป่วยโรคตา ให้รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 2 แคปซูล
   สำหรับรับประทานเป็นอาหารเสริม ผู้ใหญ่ วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 แคปซูล
    ดูข้อมูลที่     http://ibrytemir.blogspot.com   
    ขนาดและราคา   1 ขวด 30 แคปซูล ราคา 1,900 บาท
                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
    สั่งซื้อที่     คุณ วีระชัย   ทองสา
                    ID Line : weerachaicoffee    
                    โทร. 084-6822645 , 085-0250423(Line)

                    อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com



 



ต้อลมและต้อเนื้อ ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)

ต้อลมและต้อเนื้อ   ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)


          ต้อลม  (Pinguecula) คือ  ภาวะที่มีการเสื่อมและขยายตัวผิดปกติของเนื้อเยื่อบุตาบางส่วน  (โดยเฉพาะส่วนที่อยู่ถัดจากกระจกตาดำ  ในแนวนอนซึ่งเป็นช่วงที่คนเราลืมตา)  อาจสังเกตได้โดยการส่องกระจกดูจะพบเยื่อบุตาในบริเวณดังกล่าวมีสีแดงและนูน ออกมา  พบได้ในผู้ที่ทำงานในที่มีฝุ่น  ควัน  แสงแดดจ้า

     สาเหตุของต้อลม
      1. มีการอักเสบของเยื่อบุตาอย่างเรื้อรัง 
      2. ระคายเคืองโดยฝุ่น  ลม  ควัน  รวมทั้งรังสีอัลตร้าไวโอเลต  ในแสงแดด
    อาการของต้อลม
      1. ระคายเคืองตา          2. แสบตา
      3. น้ำตาไหล                4. คันบางครั้ง
      5. ตาแดง
     การรักษาต้อลม
      1. ในช่วงที่มีอาการอักเสบ  จะใช้ยาหยอดตาเพื่อรักษา  ซึ่งควรได้รับคำแนะนำจากจักษุแพทย์
      2. ไม่รักษาด้วยการผ่าตัด
 การป้องกันต้อลม
      1. หลีกเลี่ยงการถูกฝุ่น  ลม  ควัน  และแสงแดด
      2. สวมแว่นตากันแดดที่เคลือบสารป้องกันอัลตร้าไวโอเลต  เพื่อช่วยลดแรงปะทะของลม  ฝุ่น  และรังสีอัลตร้าไวโอเลต
  
     ต้อเนื้อ  (Pterygium) คือ  ภาวะที่มีการเสื่อม  ขยายตัวผิดปกติของเนื้อเยื่อบุตา  และขยายตัวเข้ามาบนกระจกตา  มักมีการขยายตัวของเส้นเลือดในบริเวณนั้นด้วย  ดังรูป

         สาเหตุของต้อเนื้อ
      1. มีการอักเสบของเยื่อบุตาเรื้อรัง
      2. เป็นระยะต่อเนื่องจากการเป็นต้อลม
      3. ถูกระคายเคืองโดยฝุ่น  ลม  ควัน  รวมทั้งรังสีอัลตร้าไวโอเลตในแสงแดด
         อาการของต้อเนื้อ
      1. ระคายเคืองตา            2. แสบตา
      3. น้ำตาไหล                   4. คันบางครั้ง
      5. ตาแดง
         การรักษาต้อเนื้อ
      1. ในช่วงที่มีอาการอักเสบ  จะใช้ยาหยอดตาเพื่อรักษา  ซึ่งควรได้รับคำแนะนำจากจักษุแพทย์
      2. ลอกต้อเนื้อ
      3. ผู้ป่วยอายุมาก  ลอกต้อเนื้อโดยไม่ต้องเย็บคลุมบริเวณที่ลอกด้วยเยื่อบุตา
      4. ผู้ป่วยอายุน้อย  ควรลอกต้อเนื้อโดยเย็บคลุมบริเวณที่ลอกด้วยเยื่อบุตา


      ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)มีสารสกัดจากบลูเบอร์รี่เข้มขัน สารลูทีน สารสกัดจากมารีโกล์ด เบต้าแคโรทีน วิตามินซี
      ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)สามารถป้องกัน ต้อกระจก ต้อหิน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     ประโยชน์ของ
ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)
  1.ต้อหิน                                        2.ต้อลม
  3.ต้อกระจก                                   4.ต้อเนิ้อ  
  5.ตาแห้ง                                       6.สายตาพร่าขุ่นมัว
  7.สายตาสั้น                                   8.สายตายาว
  9.ภาวะเบาหวานขึ้นตา                   10.จอประสาทตาเสื่อม
11.จอประสาทตาหลุดลอก               12.กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า
     ประโยชน์ของสารสกัด Blueberry
1. เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นได้ดีในที่มืด
2. ป้องกันเส้นเลือดเปราะ (Arterosclerosis) ทำให้หลอดเลือดแข็งแรง
3. ป้องกันต้อหิน ต้อกระจก ต้อลม ลดแรงดันในลูกตาลดความเจ็บปวดจากการบวมในลูกตา
4. ป้องกันโรคเบาหวานโรคไทฟอยด์นิ่วในกระเพาะปัสสาวะโรคความดันโลหิตสูง และระบบหายใจผิดปกติ
5. ป้องกันเส้นเลือดขอด ลดการบวม เสริมสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ช่วยสร้างเนื้อเยื่อ เส้นเอ็น
6. แก้ Arthritis, Arthereoscirosis การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติในลำไส้ใหญ่ โรคเริม ท้องผูก โรคกระเพาะอาหาร แผลในปาก
7. เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ควบคุมน้ำตาลในเลือด ช่วยลดเกล็ดเลือด (Blood platelet)ต่อต้านโธไซยาโนไซเดอร์


   ปัจจุบัน ไอไบ้ร์ท(I-BRYTE)สามารถป้องกันโรคต้อลมและต้อเนื้อ ได้ผลเร็วสุด ยอดขายสูงที่สุด
            วิธีรับประทานไอไบ้ร์ท
   สำหรับผู้ป่วยโรคตา ให้รับประทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 2 แคปซูล
   สำหรับรับประทานเป็นอาหารเสริม ผู้ใหญ่ วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 แคปซูล
    ดูข้อมูลที่     http://ibrytemir.blogspot.com   
    ขนาดและราคา   1 ขวด 30 แคปซูล ราคา 1,900 บาท
                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
    สั่งซื้อที่     คุณ วีระชัย   ทองสา
                    ID Line : weerachaicoffee    
                    โทร. 084-6822645 , 085-0250423(Line)

                    อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com